ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม ของ สตม. บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ในการนี้ พล.ต.ต.ศุภณัฎฐ์ เจริญเรืองสกุล ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ ตม.จว.เชียงใหม่ ตรวจเข้มพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมอย่างเต็มรูปแบบ

ตม.จว.เชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.ศราวุธ วะเท ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และ พ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่งานสืบสวนปราบปรามฯ บูรณาการร่วมกับ หน่วยงานความมั่นคงภายในพื้นที่ ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 หรือความผิดตามกฎหมายอื่น

วันที่ 10 – 11 กรกฎาคม 2566 ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.5 ออกตรวจสถานประกอบการในพื้นที่รับผิดชอบ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ผลการตรวจสอบ จับกุมและเปรียบเทียบปรับ บุคคลสัญชาติไทย 16 ราย โดยกล่าวหาว่า “เป็นเจ้าบ้านฯ รับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชั่วโมง”

ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 38 กำหนดหน้าที่ของเจ้าบ้าน เจ้าของหรือผู้ครอบครองเคหสถาน หรือผู้จัดการโรงแรมซึ่งรับคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเข้าพักอาศัย จะต้องแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองซึ่งตั้งอยู่ในท้องที่ที่บ้าน เคหสถาน หรือโรงแรมนั้นตั้งอยู่ภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เวลาที่คนต่างด้าวเข้าพักอาศัย ถ้าท้องที่ใดไม่มีที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองตั้งอยู่ให้แจ้งต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ณ สถานีตำรวจท้องที่นั้น หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษตามมาตรา 77 ปรับไม่เกินสองพันบาท แต่ถ้าผู้นั้นเป็นผู้จัดการโรงแรม ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท